top of page

เชียงใหม่ | รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

hivteam
เชียงใหม่ | รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases) เป็นโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคหรือคนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อผ่านของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่น เลือด หรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ หรือการสัมผัสกับผิวหนังบริเวณที่มีแผลหรือรอยถลอกจากการมีเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่

  • ซิฟิลิส

  • หนองใน

  • เริม

  • ไวรัสตับอักเสบบี

  • เอชพีวี

  • เอชไอวี

ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรอง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ?

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน

  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย

  • ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

  • ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้อื่น

  • ผู้ที่วางแผนมีครอบครัว

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการเป็นอย่างไร?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการเป็นอย่างไร?

ซิฟิลิส (syphilis)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรีย Treponema pallidum อาการของซิฟิลิสสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 (primary syphilis) มักเริ่มมีอาการภายใน 3 - 4 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • แผลริมแข็ง (chancre) บริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก แผลริมแข็งมีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็ก สีแดงหรือสีชมพู แข็ง ไม่เจ็บ หายได้เองภายใน 2 - 6 สัปดาห์

ระยะที่ 2 (secondary syphilis) มักเริ่มมีอาการภายใน 6 - 8 สัปดาห์หลังจากแผลริมแข็งหายไป อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ผื่นขึ้นตามร่างกาย มักขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือบริเวณลำตัว

  • ฝ้าขาวขึ้นที่ลิ้น ริมฝีปาก หรือในช่องปาก

  • ต่อมน้ำเหลืองโต

  • ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย

ระยะที่ 3 (latent syphilis) ระยะนี้ไม่มีอาการใด ๆ เกิดขึ้น แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย

ระยะที่ 4 (tertiary syphilis) ระยะนี้มักเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อมาหลายปี อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด

  • โรคสมอง

  • โรคทางระบบประสาท

หนองใน (gonorrhea)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae อาการของหนองใน มักเริ่มมีอาการภายใน 2 - 14 วันหลังจากได้รับเชื้อ อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ผู้ชาย

  • มีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ

  • ปัสสาวะแสบขัด

  • ปวดอัณฑะ

  • ผู้หญิง

  • มีตกขาวผิดปกติ

  • ปัสสาวะแสบขัด

  • ปวดท้องน้อย

เริม (Herpes)

เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง และเยื่อบุที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (herpes simplex virus, HSV) แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  • HSV-1 มักทำให้เกิดเริมที่ปากหรือริมฝีปาก

  • HSV-2 มักทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศ

อาการของเริม จะแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อและตำแหน่งที่ติดเชื้อ โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้

เริมที่ปากหรือริมฝีปาก

  • อาการเริ่มต้นมักมีความรู้สึกแสบร้อน คัน หรือชาบริเวณริมฝีปาก หรือในช่องปาก

  • หลังจากนั้นจะเกิดตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณริมฝีปากหรือในช่องปาก ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลที่มีน้ำเหลืองไหลซึม

  • แผลจะแห้งตกสะเก็ดและหายภายใน 7 - 10 วัน

เริมที่อวัยวะเพศ

  • อาการเริ่มต้นมักมีความรู้สึกแสบร้อน คัน หรือชาบริเวณอวัยวะเพศ

  • หลังจากนั้นจะเกิดตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลที่มีน้ำเหลืองไหลซึม

  • แผลจะแห้งตกสะเก็ดและหายภายใน 7 - 10 วัน

ไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B)

เป็นโรคติดต่อทางเลือด และสารคัดหลั่งที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบี อาการของไวรัสตับอักเสบบีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้

ระยะเฉียบพลัน

  • อ่อนเพลีย

  • เบื่ออาหาร

  • คลื่นไส้ อาเจียน

  • ปวดท้อง

  • ตาเหลือง

  • ปัสสาวะสีเข้ม

อาการของระยะเฉียบพลัน มักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 1 - 6 เดือน

ระยะเรื้อรัง

  • อ่อนเพลีย

  • เบื่ออาหาร

  • คลื่นไส้ อาเจียน

  • ปวดท้อง

  • ปัสสาวะเหลืองเข้ม

  • ตาเหลือง

  • ตาพร่ามัว

  • ปวดข้อ

หากไม่รับการรักษา ผู้ป่วยระยะเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคตับแข็ง มะเร็งตับ

เอชพีวี (HPV)

เกิดจาก ไวรัส (Human papilloma virus) อาการของการติดเชื้อ HPV อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของ HPV และบริเวณที่ติดเชื้อ โดยทั่วไปแล้ว การติดเชื้อ HPV มักไม่แสดงอาการใด ๆ แต่อาจทำให้เกิดโรคได้ เช่น

  • หูด เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดของการติดเชื้อ HPV หูดสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณใด ๆ ของร่างกาย แต่มักพบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือคอ หูดมีลักษณะเป็นติ่งเนื้อขนาดเล็ก อาจเป็นสีเนื้อ สีชมพู หรือสีดำ มักไม่เจ็บปวด แต่อาจทำให้คันหรือเจ็บได้

  • มะเร็ง การติดเชื้อ HPV อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปาก มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งอวัยวะเพศชาย และมะเร็งทวารหนักในผู้ชาย มะเร็งที่เกิดจาก HPV มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่อาจมีอาการ เช่น เลือดออกผิดปกติ ตกขาวผิดปกติ หรือมีก้อนเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ

เอชไอวี (HIV)

เกิดจากการเชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus ที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ อาการของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

  1. ระยะเฉียบพลัน มักเริ่มมีอาการภายใน 2-4 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ผื่น อาการของระยะเฉียบพลันมักหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้

  2. ระยะแฝง เกิดขึ้นหลังจากระยะเฉียบพลันไปแล้ว ผู้ป่วยระยะนี้อาจไม่มีอาการใด ๆ เลย หรืออาจมีอาการเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด เหงื่อออกกลางคืน

  3. ระยะเอดส์ เกิดขึ้นเมื่อจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ผู้ป่วยระยะเอดส์มักมีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้ อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เหงื่อออกกลางคืน ไข้ ท้องเสีย ไอเรื้อรัง การติดเชื้อฉวยโอกาส

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันได้อย่างไร?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันได้อย่างไร?

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือ การงดการมีเพศสัมพันธ์ หรือหากจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียวก็ช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ฉีดวัคซีนป้องกัน (เอชพีวี, ไวรัสตับอักเสบบี) นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับหลายคน มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่ทำให้เกิดโรค ความรุนแรงของโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยทั่วไปแล้ว การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มักใช้ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดรักษาให้หายขาดได้ แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการและป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายได้ และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับชนิดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชียงใหม่ ได้ที่ไหน ?

รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชียงใหม่ ได้ที่ไหน ?

สำหรับชาว เชียงใหม่ ท่านไหนที่ต้องการ ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หนึ่งในช่องทางที่สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรอง และรักษา ได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ ให้บริการโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่ได้รับวุฒิบัตรรับรองจากสถาบันทางการแพทย์ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อมอบคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้กับชาวเชียงใหม่อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมบริการด้านการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และก้าวทันนวัตกรรมทางการแพทย์ พร้อมทั้งการบริการที่ดีแก่ผู้ป่วยทุกท่านให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ช่องทางการติดต่อเรา

  • ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่

  • ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่

  • เปิดบริการทุกวัน

    • จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.

    • เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.

  • สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)

  • เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988

  • แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share

  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคอาจไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่ทราบว่ามีเชื้อและสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้น หากสงสัยว่าตนเองอาจได้รับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด

Comentarios


77/7 ถ.คชสาร ต.ช้างคลาน อ.เมือง เชียงใหม่ ประเทศไทย
hugsacm@gmail.com

bottom of page