
เอชไอวี ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยและจังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าในการรักษา และป้องกัน แต่การติดเชื้อใหม่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อโดยการใช้ ยา PEP จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการลดการแพร่ระบาดของเอชไอวี
ยา PEP คืออะไร
ยา PEP หรือ Post-Exposure Prophylaxis เป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี หลัง จากที่มีความเสี่ยง โดยใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นระยะเวลา 28 วัน ยา PEP ถือเป็นวิธีการฉุกเฉินที่ใช้ในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันกับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีหรือผู้ที่ไม่ทราบสถานะการติดเชื้อ การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ที่อาจมีเชื้อ หรือการได้รับอุบัติเหตุจากเข็มฉีดยาที่ปนเปื้อนเชื้อ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถุงยางแตก ฉีก ขาด ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ โดยผู้ที่ต้องการรับยา PEP จะต้องผ่านการประเมินความเสี่ยง และการให้คำปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ยา
กลไกการทำงานของยา PEP
ยา PEP ทำงานโดยการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสเอชไอวีในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังการติดเชื้อ ซึ่งเป็นช่วงที่ไวรัสกำลังพยายามเข้าสู่เซลล์ภูมิคุ้มกันและเพิ่มจำนวน การใช้ยาในช่วงนี้จะช่วยลดจำนวนไวรัสในกระแสเลือด ป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่ในร่างกายได้ การเริ่มใช้ยาเร็วที่สุดหลังการสัมผัสเชื้อจะเพิ่มโอกาสในการป้องกันการติดเชื้อได้มากที่สุด เนื่องจากยาจะสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสได้ก่อนที่จะมีการติดเชื้อ
ความแตกต่างระหว่าง PEP และ PrEP

แม้ว่า PEP และ PrEP จะเป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัส แต่มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้
ช่วงเวลาการใช้ยา
PEP: ใช้หลังการสัมผัสเชื้อที่อาจเกิดขึ้น
PrEP: ใช้ก่อนการสัมผัสเชื้อ เป็นการป้องกันล่วงหน้า
ระยะเวลาการใช้ยา
PEP: ใช้เป็นระยะเวลา 28 วันหลังการสัมผัสเชื้อ
PrEP: ใช้อย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่ยังมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ
กลุ่มเป้าหมาย
PEP: สำหรับผู้ที่มีเหตุการณ์เสี่ยงในกรณีฉุกเฉิน
PrEP: สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นประจำในการติดเชื้อเอชไอวี
ประสิทธิภาพ
PEP: มีประสิทธิภาพสูงหากเริ่มใช้เร็วที่สุดหลังการสัมผัสเชื้อ สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มากกว่า 80%
PrEP: มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อได้เกือบ 100% เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ
ทั้ง PEP และ PrEP มีบทบาทสำคัญในการป้องกันเอชไอวี โดย PEP มักจะใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด ในขณะที่ PrEP เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างต่อเนื่อง
ใครบ้างที่ควรใช้ยา PEP
การพิจารณาใช้ยา PEP ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยผู้ที่ควรพิจารณาใช้ยา PEP มีดังนี้
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
กับผู้ที่ทราบว่ามีเชื้อเอชไอวี
กับผู้ที่ไม่ทราบสถานะการติดเชื้อ แต่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง
ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด
ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุจากเข็มหรือของมีคมที่ปนเปื้อนเลือดหรือสารคัดหลั่ง
ผู้ที่สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีหรือผู้ที่ไม่ทราบสถานะ โดยเฉพาะหากมีแผลเปิดหรือเยื่อเมือก
ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
วิธีทายา PEP
ควรเริ่มยา PEP โดยเร็วที่สุดหลังจากสัมผัสเชื้อ ภายใน 72 ชั่วโมง ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพก็จะยิ่งสูงขึ้น
ต้องรับประทานยา PEP วันละ 1 เม็ด
ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วัน
ระหว่างการใช้ PEP จะมีการนัดตรวจติดตามเพื่อประเมินผลข้างเคียง และการปฏิบัติตามการรักษา หลังจากครบกำหนดการใช้ยา จะมีการตรวจเลือดเพื่อยืนยันสถานะการติดเชื้อเอชไอวีที่ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน หลังการสัมผัสเชื้อ
เริ่มใช้ยา PEP เร็ว ดีอย่างไร ?

การเริ่มใช้ยา PEP โดยเร็ว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
ป้องกันการเพิ่มจำนวนของไวรัส
ยา PEP ทำงานโดยการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสในระยะแรก
การเริ่มยาเร็วจะช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายในร่างกาย
เพิ่มโอกาสในการป้องกันการติดเชื้อ
ประสิทธิภาพของยา PEP ลดลงตามเวลาที่ผ่านไปหลังการสัมผัสเชื้อ
การเริ่มยาโดยเร็วทำให้ได้รับการป้องกันที่ดีที่สุด
ลดความเครียดและความวิตกกังวล
การเริ่มยา PEP เร็วช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ผู้ใช้ยาจะรู้สึกว่าได้ดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงที
ได้รับคำปรึกษาและการดูแลที่เหมาะสมจากแพทย์
การเข้ารับบริการ PEP เร็วทำให้ได้รับการประเมินความเสี่ยงและคำแนะนำที่เหมาะสม
อาจได้รับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ด้วย
ขั้นตอนการรับยา PEP
ประเมินเบื้องต้น
ผู้รับบริการจะได้รับการซักประวัติเกี่ยวกับเหตุการณ์เสี่ยง และระยะเวลาที่ผ่านมา
อาจมีการตรวจร่างกายเบื้องต้น
ให้คำปรึกษาก่อนการใช้ยา
อธิบายเกี่ยวกับยา PEP ประโยชน์ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
ตรวจเลือด
ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน
อาจมีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ร่วมด้วย
การจ่ายยา
หากเข้าเกณฑ์การใช้ PEP แพทย์จะสั่งจ่ายยาให้
อธิบายวิธีการใช้ยาและการจัดการกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การนัดติดตามผล
กำหนดวันนัดเพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจเลือดซ้ำ
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวระหว่างการใช้ยา
ผลข้างเคียงของยา PEP
โดยทั่วไปแล้ว ผลข้างเคียงของยา PEP มักไม่รุนแรง และสามารถหายไปได้เองหลังจากร่างกายปรับตัว ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยา PEP มีดังนี้
คลื่นไส้
อาเจียน
ท้องเสีย
ปวดท้อง
เบื่ออาหาร
ปวดศีรษะ
อ่อนเพลีย
วิงเวียนศีรษะ
นอนไม่หลับหรือฝันร้าย
อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจพบผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน
รับ PEP เชียงใหม่ ได้ที่ไหน ?

สำหรับชาว เชียงใหม่ ท่านไหนที่ต้องการรับ ยา PEP ยาต้านฉุกเฉิน ยาต้านไวรัสเอชไอวี หลัง สัมผัสเชื้อ หนึ่งในช่องทางที่สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย สามารถเข้ารับบริการ ได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียงเชียงใหม่ ให้บริการโดยแพทย์เฉพาะทาง พร้อมบริการด้านการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และก้าวทันนวัตกรรมทางการแพทย์ พร้อมทั้งการบริการที่ดีแก่ผู้ป่วยทุกท่านให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด
ช่องทางการติดต่อเรา
ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่
ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
เปิดบริการทุกวัน
จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me
อ่านบทความอื่นๆ
หากคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี? อย่ารอช้า! รีบพบแพทย์ภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อรับ PEP ยาต้านไวรัสฉุกเฉิน ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพก็จะยิ่งสูงขึ้น ในการป้องกันเอชไอวี
Comments