
ซิฟิลิส เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขทั่วโลก แม้ว่าในปัจจุบันจะสามารถรักษาได้ แต่การปล่อยให้โรคดำเนินไปโดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน ร้ายแรง ที่ส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบประสาทและหัวใจ การตรวจหาเชื้อตั้งแต่ระยะแรก เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณอยู่ในเชียงใหม่และต้องการ ตรวจหรือรักษา ซิฟิลิส ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ เป็นศูนย์ให้บริการที่พร้อมดูแลคุณด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้
ซิฟิลิส คืออะไร?
ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสแผลซิฟิลิสโดยตรงระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก รวมถึงสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ โรคซิฟิลิส มีลักษณะการดำเนินโรคเป็นระยะ โดยในช่วงแรกอาจไม่มีอาการที่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษา เชื้อสามารถแฝงตัวอยู่ในร่างกาย และพัฒนาไปสู่ระยะที่ร้ายแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อสมอง หัวใจ หลอดเลือด และอวัยวะสำคัญอื่น ๆ ได้
อาการของโรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส เป็นโรคที่มีการดำเนินโรคเป็น 4 ระยะ แต่ละระยะมีอาการที่แตกต่างกัน
ระยะแรก จะมีแผลริมแข็งเกิดขึ้นบริเวณที่ได้รับเชื้อ เช่น อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือปาก แผลมักไม่เจ็บและหายเองภายใน 3-6 สัปดาห์ แม้ไม่ได้รับการรักษา เชื้อจะยังคงอยู่และพัฒนาไปสู่ระยะที่สอง
ระยะที่สอง จะมีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย รวมถึงฝ่ามือและฝ่าเท้า อาจมีอาการอื่น ๆ เช่น ไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ผมร่วงเป็นหย่อม อาการเหล่านี้สามารถหายไปเองแต่หากไม่ได้รับการรักษา โรคจะเข้าสู่ระยะแฝง
ระยะแฝง เป็นระยะที่ไม่มีอาการแสดงออก แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย และสามารถตรวจพบได้จากการตรวจเลือด
ระยะสุดท้าย เป็นระยะที่รุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ และหลอดเลือด ระบบประสาท สมองเสื่อม อัมพาต ตาบอด หูหนวก หรือเกิดก้อนซิฟิลิสที่ทำลายเนื้อเยื่อ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่การเสียชีวิต
อาการของซิฟิลิส จะเปลี่ยนไปตามระยะของโรค หากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันการลุกลาม และภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
โรคซิฟิลิส สามารถติดต่อกันได้อย่างไร ?
โรคซิฟิลิส สามารถแพร่เชื้อได้หลายวิธี โดยส่วนใหญ่มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก นอกจากนี้ยังสามารถแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสแผลซิฟิลิสโดยตรง เนื่องจากเชื้อ Treponema pallidum สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุผิวหนังที่มีรอยถลอกหรือบาดแผล การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เช่น ในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการติดเชื้อ นอกจากนี้ ซิฟิลิสยังสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์หรือขณะคลอด ซึ่งอาจทำให้ทารกติดเชื้อซิฟิลิสแต่กำเนิด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อซิฟิลิส ?
กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อซิฟิลิส ได้แก่ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน เนื่องจากโอกาสในการสัมผัสเชื้อจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนคู่นอน ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งทำให้ไม่มีการป้องกันจากเชื้อที่แพร่ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับแผลซิฟิลิส นอกจากนี้ ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากภูมิคุ้มกันอาจอ่อนแอลง และมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือดก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากอาจมีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เชื้อซิฟิลิสแพร่กระจายได้ง่าย
การวินิจฉัยโรคซิฟิลิส

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีวิธีการตรวจหลายประเภทที่ช่วยให้แพทย์สามารถยืนยันการติดเชื้อ และกำหนดระยะของโรคได้อย่างแม่นยำ
การตรวจร่างกายและซักประวัติ แพทย์จะเริ่มจากการซักถามเกี่ยวกับอาการ ประวัติพฤติกรรมทางเพศ และประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายเพื่อตรวจหาตุ่มแผลหรือผื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อซิฟิลิส
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเลือด เป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุด เพราะสามารถตรวจพบการติดเชื้อได้ในทุกระยะของโรค แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก
Non-Treponemal Tests (NTT) เช่น RPR (Rapid Plasma Reagin) และ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) ใช้คัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้น หากผลเป็นบวก จะต้องทำการตรวจยืนยันเพิ่มเติม
Treponemal Tests (TT) เช่น TPPA (Treponema Pallidum Particle Agglutination) และ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption) ใช้ยืนยันการติดเชื้อซิฟิลิสโดยเฉพาะ
การตรวจจากสารคัดหลั่งหรือเนื้อเยื่อ หากผู้ป่วยมีแผลบริเวณอวัยวะเพศหรือร่างกาย แพทย์อาจเก็บตัวอย่างจากแผลเพื่อทำ Darkfield Microscopy ซึ่งเป็นการตรวจหาเชื้อซิฟิลิสโดยตรงภายใต้กล้องจุลทรรศน์
การตรวจ PCR (Polymerase Chain Reaction) ใช้ในการตรวจหา DNA ของเชื้อซิฟิลิส โดยเฉพาะในกรณีที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อในระบบประสาท
การตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture หรือ Spinal Tap)ใช้ในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยอาจมี ซิฟิลิสขึ้นสมอง (Neurosyphilis) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรือมีปัญหาด้านการทรงตัว
การแปลผลการตรวจเลือด
หากผลตรวจ เป็นลบ แสดงว่าไม่มีการติดเชื้อ หรืออาจอยู่ในระยะฟักตัว ต้องตรวจซ้ำเพิ่อยืนยันผล
หากผลตรวจ เป็นบวก แสดงว่ามีการติดเชื้อซิฟิลิส ควรเริ่มการรักษาทันที
การวินิจฉัยโรคซิฟิลิส ต้องใช้ทั้งการตรวจเลือด การซักประวัติ และการตรวจร่างกายร่วมกันเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำ หากคุณมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อ ควรเข้ารับการตรวจทันทีเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
วิธีป้องกันการติดเชื้อซิฟิลิส

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถป้องกันได้หากมีพฤติกรรมที่ปลอดภัยและตระหนักถึงความเสี่ยง การป้องกันซิฟิลิสไม่เพียงแต่ช่วยลดโอกาสติดเชื้อให้กับตัวเอง แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายในสังคมอีกด้วย
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซิฟิลิสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก อย่างไรก็ตาม ควรระวังว่าแผลซิฟิลิสที่เกิดขึ้นบริเวณอื่นของร่างกายที่ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยถุงยางอนามัยก็ยังสามารถแพร่เชื้อได้
ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
การเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีคู่นอนใหม่บ่อยครั้ง หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน จะช่วยให้สามารถตรวจพบการติดเชื้อซิฟิลิสได้ตั้งแต่ระยะแรก และสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที
มีคู่นอนเพียงคนเดียว
การมีคู่นอนเพียงคนเดียวที่ไม่มีการติดเชื้อสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก นอกจากนี้ การเปิดเผยและซื่อสัตย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพทางเพศกับคู่นอน รวมถึงการตรวจหาเชื้อร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
ถึงแม้ว่าซิฟิลิสจะติดต่อได้หลัก ๆ ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อผ่านทางเลือดได้เช่นกัน ดังนั้น การหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น เช่น ในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด หรือการสักและเจาะร่างกายในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดความเสี่ยง
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดอาจเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อซิฟิลิสโดยไม่รู้ตัว การหลีกเลี่ยงหรือลดพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
การรักษาโรคซิฟิลิส
ซิฟิลิส สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และทันเวลา โดยวิธีหลักคือการใช้ยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน จี ซึ่งเป็นแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแรกเริ่ม หรือระยะที่สองมักได้รับการฉีดยา Benzathine Penicillin G เพียงครั้งเดียว แต่หากอยู่ในระยะที่สามหรือเป็นซิฟิลิสขึ้นสมอง อาจต้องได้รับยาในปริมาณที่สูงขึ้น และต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้เพนิซิลลิน อาจใช้ยาทางเลือกอื่น เช่น Doxycycline หรือ Ceftriaxone แทนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาทางเลือกอาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการรักษาด้วยเพนิซิลลิน
หลังจากการรักษาซิฟิลิสแล้ว ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
การปฏิบัติตัวหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าการรักษาจะเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการยืนยันว่าไม่มีเชื้อซิฟิลิสอีกต่อไป คู่นอนควรได้รับการตรวจและรักษาพร้อมกันเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำ นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อซิฟิลิสและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ หากคุณสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อหรือมีความเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจและรักษาที่ ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ และดูแลการรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
เชียงใหม่ ตรวจและรักษาซิฟิลิส ได้ที่ไหน ?

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ตรวจและรักษา ซิฟิลิส ในเชียงใหม่ ฮักษาคลินิก คือ ศูนย์ให้บริการด้านสุขภาพที่ครบวงจร ซึ่งให้การดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ ไปจนถึงการรักษาและให้คำแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ที่ฮักษาคลินิกใช้เทคนิคการตรวจเลือดที่มีความแม่นยำสูง สามารถให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และเริ่มต้นการรักษาได้อย่างทันท่วงที หากตรวจพบเชื้อ ทีมแพทย์ของคลินิกจะให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดเชื้อซิฟิลิสออกจากร่างกาย นอกจากการรักษาที่มีคุณภาพแล้ว ฮักษาคลินิก ยังให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้รับบริการ ข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับ เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของคุณ
อ่านบทความอื่นๆ
ช่องทางการติดต่อเรา
ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่
ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
เปิดบริการทุกวัน
จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me
ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถป้องกัน และรักษาได้ หากได้รับการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก การรักษาอย่างถูกต้อง และทันท่วงที จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากคุณมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าติดเชื้อ ควรเข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุด ฮักษาคลินิก เชียงใหม่ เป็นศูนย์ให้บริการที่ครบวงจรสำหรับการตรวจ และรักษาซิฟิลิส เพื่อให้คุณได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพและปลอดภัยที่สุด
Comments